สะกดชื่อโรงแรมถูกมั้ย? กัลยาณมิตรช่วยให้คิดได้...
Tuesday, 29 December 2009
sometimes
Sometimes when you cry,
บางครั้ง เมื่อคุณร้องไห้
no one sees your tears..
ไม่มีใครได้เห็น น้ำตาของคุณ
Sometimes when you are in pain,
บางครั้งที่คุณบาดเจ็บ
no one sees your hurt... ,
ไม่มีใครรับรู้ถึงความเจ็บปวดของคุณ
Sometimes when you are worried,
บางครั้ง ที่คุณกังวล
no one sees your stress...
ไม่มีใครรับรู้ถึงความเครียดของคุณ
Sometimes when you are happy,
บางครั้งเมื่อคุณมีความสุข
no one sees your smile...
ไม่มีใครสังเกตเห็นรอยยิ้มของคุณ
But...
แต่ทว่า ....
FART Just One Time...
ขอเพียงคุณ ตด สัก ครั้ง
Everybody Knows!
ทุกคนจะรู้ ทันที!!!
เฮ้อ! กลุ้มใจ....... ^_^
บางครั้ง เมื่อคุณร้องไห้
no one sees your tears..
ไม่มีใครได้เห็น น้ำตาของคุณ
Sometimes when you are in pain,
บางครั้งที่คุณบาดเจ็บ
no one sees your hurt... ,
ไม่มีใครรับรู้ถึงความเจ็บปวดของคุณ
Sometimes when you are worried,
บางครั้ง ที่คุณกังวล
no one sees your stress...
ไม่มีใครรับรู้ถึงความเครียดของคุณ
Sometimes when you are happy,
บางครั้งเมื่อคุณมีความสุข
no one sees your smile...
ไม่มีใครสังเกตเห็นรอยยิ้มของคุณ
But...
แต่ทว่า ....
FART Just One Time...
ขอเพียงคุณ ตด สัก ครั้ง
Everybody Knows!
ทุกคนจะรู้ ทันที!!!
เฮ้อ! กลุ้มใจ....... ^_^
lit the candle II
Monday, 28 December 2009
Friday, 25 December 2009
สมาคมมหาโพธิ์คยา II
everything, anything and nothing
ชีวิตนี้เริ่มต้นด้วยเรื่องที่น่าละอาย มีความเป็นอยู่ด้วยเรื่องที่ยุ่งยากสับสน และจบลงด้วยความเศร้า เมื่อลืมตาขึ้นดูโลกนี้เป็นครั้งแรกเราก็ร้องไห้ และเมื่อจะหลับตาลาโลกเราก็ร้องไห้อีก หรืออย่างน้อยก็เป็นสาเหตุให้คนอื่นหลั่งน้ำตา เด็กเกิดมาร้องไห้พร้อมกับกำมือแน่นคล้ายกับว่าเขาเกิดมาเพื่อจะยึดเอาทุกสิ่งทุกอย่างไว้ แต่เมื่อถึงเวลาที่จะต้องหลับตาลงนั้น ทุกคนแบมือออก เหมือนจะเตือนให้ผู้อยู่เบื้องหลังสำนึก และเป็นพยานว่าเขามิได้เอาอะไรไปเลย
ทุกคนต้องการความสมหวังในชีวิตรัก แต่ความรักไม่เคยให้ความสมหวังแก่ใครถึงครึ่งหนึ่งแห่งความต้องการ ยิ่งความรักที่ฉาบทาด้วยความเสน่หาด้วยแล้วจะเป็นพิษแก่จิตใจ ทำให้ทุรนทุรายดิ้นรนไม่รู้จักจบสิ้น เมื่อหัวใจถูกลูบไล้ด้วยความรัก หัวใจนั้นจะสร้างความหวังขึ้นอย่างเจิดจ้า แต่ทุกครั้งที่เราหวังความผิดหวังก็จะรอเราอยู่
เมื่อความรักเกิดขึ้น ความละอายและความเกรงกลัวในสิ่งที่ควรกลัวก็พลันสิ้นไป เหมือนก้อนเมฆเคลื่อนตัวเข้าบดบังดวงจันทร์ให้อับแสง ธรรมดาสตรีนั้นควรจะยอมตายเพราะความละอาย แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้นความละอายมักจะตายไปก่อนเสมอ...เมื่อความใคร่เกิดขึ้นความละอายก็พลันหายไป
อย่าหวังอะไรให้มากนัก จงมองดูชีวิตอย่างผู้ช่ำชอง อย่าวิตกกังวลอะไรล่วงหน้า ชีวิตนี้เหมือนเกลียวคลื่นซึ่งก่อตัวขึ้นแล้วม้วนเข้าหาฝั่งและแตกกระจายเป็นฟองฝอย จงยืนมองดูชีวิตเหมือนคนผู้ยืนอยู่บนฝั่งมองดูเกลียวคลื่นในมหาสมุทรฉะนั้น
ธรรมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตมนุษย์ ไม่ว่าจะอยู่ในเพศใดภาวะใด การกระทำอะไรทุกอย่างที่นึกขึ้นภายหลังแล้วต้องเสียใจนั้น พระศาสดาทรงสอนให้เว้นเสีย เพราะฉะนั้นแม้จะประสบปัญหา หรือได้รับความทุกข์ยากลำบากสักปานใด ก็ต้องไม่ทิ้งธรรม
มนุษย์ที่ยังมีกิเลสอยู่ในใจนั้น ย่อมจะมีวันพลั้งเผลอประพฤติผิดธรรมไปบ้าง เพราะยังมีสติไม่สมบูรณ์ แต่เมื่อได้สติในภายหลังแล้ว ก็ควรตั้งใจประพฤติธรรมสั่งสมความดีกันใหม่
ธรรมดาว่าไม้จันทร์นั้น แม้จะแห้งก็ไม่ทิ้งกลิ่น อ้อยแม้เข้าสู่เครื่องบดแล้วก็ไม่ทิ้งรสหวาน บัณฑิตแม้ประสบทุกข์ก็ไม่ทิ้งธรรม พระศาสดาทรงย้ำว่าพึงสละทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ชีวิตเพื่อรักษาธรรม.
...ธรรมะเตือนใจ, บทความจากอาจารย์พีระ...
ทุกคนต้องการความสมหวังในชีวิตรัก แต่ความรักไม่เคยให้ความสมหวังแก่ใครถึงครึ่งหนึ่งแห่งความต้องการ ยิ่งความรักที่ฉาบทาด้วยความเสน่หาด้วยแล้วจะเป็นพิษแก่จิตใจ ทำให้ทุรนทุรายดิ้นรนไม่รู้จักจบสิ้น เมื่อหัวใจถูกลูบไล้ด้วยความรัก หัวใจนั้นจะสร้างความหวังขึ้นอย่างเจิดจ้า แต่ทุกครั้งที่เราหวังความผิดหวังก็จะรอเราอยู่
เมื่อความรักเกิดขึ้น ความละอายและความเกรงกลัวในสิ่งที่ควรกลัวก็พลันสิ้นไป เหมือนก้อนเมฆเคลื่อนตัวเข้าบดบังดวงจันทร์ให้อับแสง ธรรมดาสตรีนั้นควรจะยอมตายเพราะความละอาย แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้นความละอายมักจะตายไปก่อนเสมอ...เมื่อความใคร่เกิดขึ้นความละอายก็พลันหายไป
อย่าหวังอะไรให้มากนัก จงมองดูชีวิตอย่างผู้ช่ำชอง อย่าวิตกกังวลอะไรล่วงหน้า ชีวิตนี้เหมือนเกลียวคลื่นซึ่งก่อตัวขึ้นแล้วม้วนเข้าหาฝั่งและแตกกระจายเป็นฟองฝอย จงยืนมองดูชีวิตเหมือนคนผู้ยืนอยู่บนฝั่งมองดูเกลียวคลื่นในมหาสมุทรฉะนั้น
ธรรมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตมนุษย์ ไม่ว่าจะอยู่ในเพศใดภาวะใด การกระทำอะไรทุกอย่างที่นึกขึ้นภายหลังแล้วต้องเสียใจนั้น พระศาสดาทรงสอนให้เว้นเสีย เพราะฉะนั้นแม้จะประสบปัญหา หรือได้รับความทุกข์ยากลำบากสักปานใด ก็ต้องไม่ทิ้งธรรม
มนุษย์ที่ยังมีกิเลสอยู่ในใจนั้น ย่อมจะมีวันพลั้งเผลอประพฤติผิดธรรมไปบ้าง เพราะยังมีสติไม่สมบูรณ์ แต่เมื่อได้สติในภายหลังแล้ว ก็ควรตั้งใจประพฤติธรรมสั่งสมความดีกันใหม่
ธรรมดาว่าไม้จันทร์นั้น แม้จะแห้งก็ไม่ทิ้งกลิ่น อ้อยแม้เข้าสู่เครื่องบดแล้วก็ไม่ทิ้งรสหวาน บัณฑิตแม้ประสบทุกข์ก็ไม่ทิ้งธรรม พระศาสดาทรงย้ำว่าพึงสละทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ชีวิตเพื่อรักษาธรรม.
...ธรรมะเตือนใจ, บทความจากอาจารย์พีระ...
Thursday, 24 December 2009
pride and joy
Wednesday, 23 December 2009
under the bo tree v
Tuesday, 22 December 2009
under the bo tree IV
รูปพี่กฤษณากับแขก...พี่โตเมื่อคืนชั้นฝันถึงเธออีกแล้ว...
สภาพธรรมใดไม่ใช่ตัวตน สภาพธรรมทุกอย่างเหล่านั้น ไม่ว่ารูปธรรมหรือนามธรรมก็ตาม อาศัยกันและกันเกิดขึ้นเป็นไป สภาพธรรมที่เกิดขึ้นแล้วจะไม่เป็นปัจจัยให้ธรรมะอื่นเกิดไม่มี ขณะจิตหนึ่งที่เกิดขึ้นจะมีปัจจัยหลายประการ อาทิ ขณะที่โลภะเจตสิกเกิดเป็นปัจจัยให้โลภะมูลจิตเกิด เจตสิกอื่นๆ อาทิ ทิฏิ มานะ และโมหะซึ่งเป็นสัมปยุตธรรมก็เกิดร่วมด้วยโดยสภาพของธรรมะนั้นๆ จิตและเจตสิกเป็นสังขารธรรม จะเกิดแยกจากกันไม่ได้ และยังเป็นปัจจัยให้รูปเกิดขึ้นได้ เวลาที่สติระลึกรู้สภาพรูปธรรม หรือนามธรรมใด ความเข้าใจในลักษณะที่เป็นอนัตตาในสภาพธรรมที่ปรากฏจะเกื้อกูลให้ปัญญาคมขึ้น
สภาพธรรมใดไม่ใช่ตัวตน สภาพธรรมทุกอย่างเหล่านั้น ไม่ว่ารูปธรรมหรือนามธรรมก็ตาม อาศัยกันและกันเกิดขึ้นเป็นไป สภาพธรรมที่เกิดขึ้นแล้วจะไม่เป็นปัจจัยให้ธรรมะอื่นเกิดไม่มี ขณะจิตหนึ่งที่เกิดขึ้นจะมีปัจจัยหลายประการ อาทิ ขณะที่โลภะเจตสิกเกิดเป็นปัจจัยให้โลภะมูลจิตเกิด เจตสิกอื่นๆ อาทิ ทิฏิ มานะ และโมหะซึ่งเป็นสัมปยุตธรรมก็เกิดร่วมด้วยโดยสภาพของธรรมะนั้นๆ จิตและเจตสิกเป็นสังขารธรรม จะเกิดแยกจากกันไม่ได้ และยังเป็นปัจจัยให้รูปเกิดขึ้นได้ เวลาที่สติระลึกรู้สภาพรูปธรรม หรือนามธรรมใด ความเข้าใจในลักษณะที่เป็นอนัตตาในสภาพธรรมที่ปรากฏจะเกื้อกูลให้ปัญญาคมขึ้น
Monday, 21 December 2009
under the bo tree III
คุณค่าที่แท้จริงของคนคนหนึ่ง กลับมิได้อยู่ที่ร่างที่เป็นเลือดเนื้อของเขา หากแต่อยู่ที่ปณิธานและจิตใจของเขา..ท่านอาจารย์จะพร่ำสอนเสมอ...ฟังด้วยความเคารพและให้ใคร่ครวญพิจารณาถึงความลึกซึ้งของพระธรรม เพราะการรู้อย่างผิวเผิน และการเข้าใจผิดๆ เป็นอันตรายทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
ความลบเลือนเสื่อมสูญแห่งสัทธรรม
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการนี้
ย่อมเป็นไปเพื่อความลบเลือนเสื่อมสูญแห่งสัทธรรม
ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ไม่ฟังธรรมโดยเคารพ ๑
ไม่เล่าเรียนธรรมโดยเคารพ ๑
ไม่ทรงจำธรรมโดยเคารพ ๑
ไม่ใคร่ครวญอรรถแห่งธรรมที่ทรงจำไว้โดยเคารพ ๑
รู้อรรถรู้ธรรมแล้วไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมโดยเคารพ ๑
ความลบเลือนเสื่อมสูญแห่งสัทธรรม
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการนี้
ย่อมเป็นไปเพื่อความลบเลือนเสื่อมสูญแห่งสัทธรรม
ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้
ไม่ฟังธรรมโดยเคารพ ๑
ไม่เล่าเรียนธรรมโดยเคารพ ๑
ไม่ทรงจำธรรมโดยเคารพ ๑
ไม่ใคร่ครวญอรรถแห่งธรรมที่ทรงจำไว้โดยเคารพ ๑
รู้อรรถรู้ธรรมแล้วไม่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมโดยเคารพ ๑
Friday, 18 December 2009
moment
สนทนาธรรมที่พุทธคยา อินเดีย
เป็นช่วงเวลาหนึ่งของปี...ที่รู้สึกสงบและมีความสุขที่สุด
ภาพที่มีผู้คนเป็นองค์ประกอบ ดูแล้วไม่เคยเหงาเลย
แล้วตอนนี้ แม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย ก็ไม่รู้สึกเหงาเหมือนเคยอีกแล้ว
ไม่นานหนอ กายนี้จักนอนทับแผ่นดิน กายนี้มีวิญญาณไปปราศ
อันบุคคลทิ้งแล้ว ราวกับท่อนไม้ ไม่มีประโยชน์ฉะนั้น.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 388
เป็นช่วงเวลาหนึ่งของปี...ที่รู้สึกสงบและมีความสุขที่สุด
ภาพที่มีผู้คนเป็นองค์ประกอบ ดูแล้วไม่เคยเหงาเลย
แล้วตอนนี้ แม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย ก็ไม่รู้สึกเหงาเหมือนเคยอีกแล้ว
ไม่นานหนอ กายนี้จักนอนทับแผ่นดิน กายนี้มีวิญญาณไปปราศ
อันบุคคลทิ้งแล้ว ราวกับท่อนไม้ ไม่มีประโยชน์ฉะนั้น.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 388
Wednesday, 16 December 2009
under the bo tree II
under the bo tree
อนุสติฐานะ ที่ตั้งแห่งความระลึก ๖
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ...อนุสติฐานะ ที่ตั้งแห่งความระลึก ๖ นี้ คือ
พุทธานุสติ ระลึกถึงพระพุทธเจ้า ๑
ธัมมานุสติ ระลึกถึงพระธรรม ๑
สังฆานุสติ ระลึกถึงพระสงฆ์ ๑
สีลานุสติ ระลึกถึงศีลที่ตนรักษา ๑
จาคานุสติ ระลึกถึงการบริจาคของตน ๑
เทวตานุสติ ระลึกถึงเทวดา และธรรมที่ทำให้เป็นเทวดา ๑
Monday, 14 December 2009
Friday, 11 December 2009
Wednesday, 9 December 2009
any move to increase
rewind & restart II
ขอบคุณ...ความทุกข์ที่ทำให้รู้ว่าความสุขมีค่าแค่ไหน
ว.วชิรเมธี 2552
Gaya airport,
ความฝันคือความจำ...รวมถึงความจำถึงสิ่งที่เคยพบเห็นสืบทอดมาจากอดีตในภพชาติต่างๆ ที่ผ่านมา...ในฝันเป็นสภาพคิดทางมโนทวารไม่ใช่สภาพเห็น ว่ากันตามจริงชีวิตนี้ก็เหมือนความฝัน เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส แต่ละขณะก็สั้นแสนสั้น เป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัย แล้วก็หมดไป เป็นอย่างนี้ชั่วชีวิต เป็นเหมือนความสุขชั่วคราว และจะเป็นอย่างนี้ทุกๆ ชาติ สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น...แม้จะดีแสนดีแค่ไหน ก็จะไม่กลับมาอีก...สมควรแล้วหรือที่จะยึดถือว่า นั่นเป็นเรา
ว.วชิรเมธี 2552
Gaya airport,
ความฝันคือความจำ...รวมถึงความจำถึงสิ่งที่เคยพบเห็นสืบทอดมาจากอดีตในภพชาติต่างๆ ที่ผ่านมา...ในฝันเป็นสภาพคิดทางมโนทวารไม่ใช่สภาพเห็น ว่ากันตามจริงชีวิตนี้ก็เหมือนความฝัน เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส แต่ละขณะก็สั้นแสนสั้น เป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัย แล้วก็หมดไป เป็นอย่างนี้ชั่วชีวิต เป็นเหมือนความสุขชั่วคราว และจะเป็นอย่างนี้ทุกๆ ชาติ สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น...แม้จะดีแสนดีแค่ไหน ก็จะไม่กลับมาอีก...สมควรแล้วหรือที่จะยึดถือว่า นั่นเป็นเรา
Tuesday, 8 December 2009
rewind & restart
Friday, 4 December 2009
on the jet II
แสงสุดท้ายของวัน...แปลกที่เห็นแล้วรู้สึกสงบ
ไม่รู้สึกว่าเป็นการสิ้นสุด แต่รู้สึก..ว่าเป็นการเริ่มต้น
without faith, nothing is possible
with it, nothing is impossible...
กลิ่นดอกไม้ฟุ้งไปทวนลมไม่ได้ กลิ่นจันทน์หรือ
กลิ่นกฤษณาและกลัมพักก็ฟุ้งไปไม่ได้
แต่ กลิ่นของสัตบุรุษฟุ้งไปทวนลมได้
กลิ่นจันทน์ก็ดี แม้กลิ่นกฤษณาก็ดี กลิ่นอุบลก็ดี
กลิ่นมะลิก็ดีกลิ่นศีลเป็นเยี่ยมกว่าคันธชาตนั่น.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท
เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ 3
เตือนตัวเอง และพิจารณาศีลของตัวเองทุกวันด้วยน้องปอม...
ไม่รู้สึกว่าเป็นการสิ้นสุด แต่รู้สึก..ว่าเป็นการเริ่มต้น
without faith, nothing is possible
with it, nothing is impossible...
กลิ่นดอกไม้ฟุ้งไปทวนลมไม่ได้ กลิ่นจันทน์หรือ
กลิ่นกฤษณาและกลัมพักก็ฟุ้งไปไม่ได้
แต่ กลิ่นของสัตบุรุษฟุ้งไปทวนลมได้
กลิ่นจันทน์ก็ดี แม้กลิ่นกฤษณาก็ดี กลิ่นอุบลก็ดี
กลิ่นมะลิก็ดีกลิ่นศีลเป็นเยี่ยมกว่าคันธชาตนั่น.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท
เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ 3
เตือนตัวเอง และพิจารณาศีลของตัวเองทุกวันด้วยน้องปอม...