Friday, 5 February 2010

แผ่เมตตา vs อุทิศส่วนกุศล

ความแตกต่างระหว่างการอุทิศส่วนกุศลกับการแผ่เมตตา

การอุทิศส่วนกุศล เป็นการให้ส่วนบุญอันเกิดจากการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เป็นต้น ที่ตนได้กระทำให้เกิดขึ้นแล้ว ให้แก่บุคคลผู้ล่วงลับไปแล้วที่ไปเกิดเป็นปรทัตตูปชีวิกเปรต หรือเวมานิกเปรต โดยสภาพธรรมแล้ว ได้แก่อโลภเจตสิก คือความไม่โลภ

การแผ่เมตตา คำว่าเมตตา แปลว่า ธรรมชาติที่เป็นความรัก ความเสน่หา มีลักษณะที่เป็นความปรารถนาดีแก่สัตว์ทั้งหลาย ต้องการให้สัตว์เหล่านั้นมีความสุข ต้องการน้อมเอาประโยชน์เกื้อกูลเข้าไปให้แก่สัตว์ทั้งหลาย โดยสภาะธรรมแล้ว ได้แก่ อโทสะเจตสิก คือธรรมชาติที่เป็นความไม่ผูกโกรธ ไม่พยาบาท

การอุทิศส่วนกุศลเป็นปฏิปักษ์ต่ออิสสา (ความไม่ยินดีในทรัพย์สมบัติหรือคุณความดีของผู้อื่น) และมัจฉริยะ (ความตระหนี่ในสมบัติหรือคุณความดีของตน) ถ้าบุคคลใดยังมีอิสสา หรือมัจฉริยะ การอุทิศส่วนกุศลก็จะเกิดไม่ได้

การแผ่เมตตาเป็นปฏิปักษ์โดยตรงต่อความพยาบาท เมื่อเมตตาเกิดขึ้นเมื่อใด บุคคลนั้นย่อมมีความรัก ความปรารถนาดีต่อผู้อื่น ความพยาบาทย่อมถูกกำจัดไป การอุทิศส่วนกุศล จะอุทิศให้ได้เฉพาะแก่บุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว ที่ไปเกิดเป็นเปรต บางจำพวกดังที่กล่าวมาแล้วเท่านั้น

การแผ่เมตตา จะแผ่ให้กับบุคคลที่ล่วงลับไปแล้วไม่ได้ เมตตาจะไม่เกิด เพราะการจะน้อมเอาประโยชน์เกื้อกูล เอาความปรารถนาดีไปให้แก่ผู้อื่นจะสำเร็จประโยชน์ก็เฉพาะแก่บุคคลผู้มีชีวิตอยู่เท่านั้น ย่อมไม่สำเร็จประโยชน์แก่บุคคลผู้ล่วงลับไปแล้ว

นอกจากนั้นการแผ่เมตตายังสามารถแผ่ให้กับสัตว์ได้ไม่มีจำกัด ไม่ว่าจะเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย ดิรัจฉาน มนุษย์ เทวดา ตลอดจนพรหมที่อาศัยอยู่ในภพภูมิทั้ง ๓๑ ภูมิ

การอุทิศส่วนกุศลกับการแผ่เมตตาจึงแตกต่างกันดังกล่าวมานี้...